Thebkkresidence.com
Sansiri
แสนสิริเปิดตัวโครงการใหม่มูลค่าสูงถึง 65,000 ล้านบาทในปี 2567 เพื่อสร้างความเติบโตที่ยั่งยืนและส่งมอบคุณภาพบ้านและบริการที่ดีแก่ลูกค้า แสนสิริยังมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์และสร้างผลตอบแทนสูงสุดแก่ผู้ถือหุ้นผ่านแนวคิด “NAVIGATING THE FUTURE: RESILIENT GROWTH” เพื่อเข้าสู่ปีที่ 40 อย่างยั่งยืนภายใต้ดีเอ็นเอ คือ SPEED TO MARKET, ATTENTION TO DETAIL และ WORK FROM HEART
ปี 2566: ปีทองของแสนสิริ
ในปี 2566บริษัทแสนสิริได้เปิดตัวโครงการใหม่ทั้งหมด 44 โครงการ มูลค่ารวมสูงถึง 65,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นสถิติที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของบริษัท
คิดเป็นการเติบโตของแสนสิริในปี 2566 สูงถึง 50% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ฃ
และเติบโตขึ้นจากช่วงโควิด-19 ถึง 10 เท่า
โครงการใหม่ครอบคลุมทุกโปรดักต์ ทั้งคอนโดมิเนียม บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮม และเซกเมนต์ระดับราคารองรับทุกความต้องการ และครอบคลุมในทุกทำเล
การลงทุนและพัฒนาโครงการใหม่
วางแผนเปิดตัวรวม 46 โครงการ มูลค่ารวม 61,000 ล้านบาท บนทำเลศักยภาพในกรุงเทพฯ และตลาดต่างจังหวัด เพิ่มสัดส่วนของโครงการบ้านลักซ์ชัวรี่มากขึ้น
แบ่งเป็นแนวราบ 26 โครงการ มูลค่า 35,000 ล้านบาท และแนวสูง 20 โครงการมูลค่ารวม 26,000 ล้านบบาท
ตั้งเป้ายอดขาย 52,000 ล้านบาท
เป้ายอดโอนที่ 43,000 ล้านบาท
3 กลยุทธ์ ครองความเป็นผู้นำในกลุ่มอสังหาฯ เพื่ออยู่อาศัย
รักษาระดับผลประกอบการให้เติบโตอย่างสม่ำเสมอ รักษาสภาพคล่องให้อยู่ในระดับสูง และมุ่งสร้างผลตอบแทนให้ผู้ถือหุ้นจากผลกำไรที่โตต่อเนื่อง
บริหารจัดการพอร์ตสินค้าพร้อมขาย ให้กระจายไปในหลากหลายทำเล ควบคุมปริมาณสินค้าในแต่ละระดับราคาให้เหมาะสม การพิจารณาเปิดโครงการใหม่เน้นวินัยในการลงทุน และกลับไปรุก Strategic Location ในหัวเมืองใหญ่และเมืองท่องเที่ยว
ยกระดับคุณภาพของสินค้า บริการ และความยั่งยืน ตั้งเป้าอันดับ 1 อสังหาฯเพื่อการอยู่อาศัยเน้นตลาดกลาง-บน และสร้างความมั่นใจในแสนสิริถึงคุณภาพในการบรหารจัดการที่อยู่อาศัย
ที่มา : https://positioningmag.com/
AP Thai
ปี 2567 นี้รุกอสังหาแนวราบแบบเต็มสูบคาดไม่ต่ำกว่า 4 หมื่นล้านบาท เปิดปีมาด้วย “LIVE WELL SPACE” นวัตกรรมการออกแบบพื้นที่ชูจุดขายงานดีไซย์ภายใต้หลากหลายแนวคิดตอบโจทย์ลูกค้าแต่ละไลฟ์สไตล์ การคิดค้นแนวทางในการแก้ปัญหา pain point ต่างๆ ของการอยู่อาศัย ด้วยนวัตกรรมการออกแบบพื้นที่ใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลาของ ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงวัยไหนก็ตาม การเปลี่ยนแปลงประชากรเมื่อคนเกิดน้อยกว่าผู้สูงอายุ ทำให้ปี 2030 ประเทศไทยจะมีประชากรผู้สูงอายุเกินกว่า 65 ปี คิดเป็น 10% ของประชากรทั้งประเทศ และเพิ่มเป็น 16% ในปี 2050 รวมถึงพฤติกรรมการซื้อที่อยู่อาศัยของคน Gen Z อายุ 18-26 ปี ปัจจัยที่มีผลต่อการซื้อ คือ การมีนวัตกรรมสำหรับที่อยู่อาศัย เน้นพลังงานสะอาดและการก่อสร้างที่ไม่ก่อให้เกิดมลพิษ ความคุ้มค่าคุ้มราคา รวมโครงการที่เป็น Pet Friendly
นวัตกรรมทั้ง 4 กลุ่ม
นวัตกรรมการออกแบบพื้นที่ ที่คิดมาเพื่อคลายทุกความกังวลใจของคุณ ตัวอย่างเช่น BIOPHILIC DESIGN การออกแบบบ้านที่ทำให้เราเชื่อมโยงกับธรรมชาติตลอดเวลา โดยใช้จุดเด่นของธรรมชาติ อย่าง แสง เสียง ลม ความเขียวของต้นไม้ และสัมผัสจากวัสดุธรรมชาติ
นวัตกรรมการออกแบบพื้นที่ ที่สร้างสภาพแวดล้อมที่ดี เสริม Well-being จากที่บ้าน เช่น DESIGN FOR WELLNESS นำศาสตร์การบำบัด ฟื้นฟูร่างกาย และการทำสมาธิ เข้ามาผสมผสานกับการออกแบบที่อยู่อาศัย เช่น Hydro Therapy
นวัตกรรมการออกแบบพื้นที่ ที่พร้อมปรับเปลี่ยนและเติบโตไปกับคุณ เช่น MODULAR LAYOUT การออกแบบบ้านที่ยืดหยุ่น สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามใจ ให้ตรงกับรูปแบบการใช้ชีวิตของทุกคน
นวัตกรรมการออกแบบพื้นที่ ทื่เชื่อมความสัมพันธ์ แต่ไม่ทิ้งความเป็นส่วนตัว เช่น AUDIO PRIVACY DESIGN เลือกใช้วัสดุเก็บเสียง ออกแบบผนังให้ไม่มีเสียงรบกวน อีกทั้งยังคำนวณการวางประตูและหน้าต่าง Layout ของห้องนอน ตามหลักการกระทบของเสียง
เป้าหมายธุรกิจ
ปี 66 ทำยอดขาย new high ที่ 50,500 ล้านบาท
กำไรปี 67 มีโอกาสทำนิวไฮต่อเนื่อง เพราะมีรายการรอโอนทั้งแนวราบและคอนโดสูงเกือบ 3 หมื่นล้านบาท และจะรับรู้รายได้ในปี 67 กว่า 1.2 - 1.3 หมื่นล้านบาท รวมถึงแผนการเปิดขายโครงการแนวราบใหม่ มูลค่ากว่า 4 หมื่นล้านบาท และการโอนของโครงการที่ขายในปี 66
โดยที่ AP สามารถรักษาส่วนแบ่งการตลาดได้ต่อเนื่อง รวมถึงมีแผนการเติบโตในระยะ 1 - 2 ปีข้างหน้าที่แข็งแกร่งและชัดเจนกว่าผู้เล่นในกลุ่มฯมีโอกาสผลักดันให้เป็น New record high ทั้งการโอนและกำไรสุทธิได้ต่อเนื่อง
ออกหุ้นกู้ 3,500 ล้านบาท อายุ 3 ปี ดอกเบี้ย 3.23% ขายนักลงทุนสถาบัน
ที่มา : https://www.infoquest.co.th
SC Asset
ก้าวสู่ศตรรษที่ 3 ด้วยวิสัยทัศน์ “SC Asset The Evolution”
SC ก้าวสู่ทศวรรษที่ 3 และประกาศวิสัยทัศน์ธุรกิจ “SC the Evolution” ซึ่งเน้นการสร้างคุณค่าสู่คนและโลก และเติบโตบนความหลากหลาย ด้วยเป้าหมายรายได้รวม 150,000 ล้านบาทในระยะเวลา 5 ปี และการทุ่มเงินลงทุนกว่า 25,000 ล้านบาท ในธุรกิจหลากหลายที่อยู่อาศัย โรงแรม คลังสินค้า และออฟฟิศ
“SC the Evolution”
มุ่งเน้นการสร้างคุณค่าสู่คนและโลก ผ่านแนวคิดวิวัฒนาการองค์กรเติบโตพร้อมกันทั้งสามด้าน
People ลูกค้ามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นด้วยสินค้า - บริการ ควบคู่ไปกับคนในองค์กรณ์ที่เติมโต มั่นคง ภูมิใจ แสดงศักยภาพได้เต็มที่
Planet สิ่งแวดล้อมน่าอยู่ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
Profit กำไรเติบโต จากธุรกิจที่หลากหลาย
ทิศทางธุรกิจ 5 ปี (2567-2571) บนความหลากหลาย
มหาศาล : สร้างรายได้รวม (portfolio revenue) รวม 5 ปี (2567-2571) จากหลากหลายธุรกิจมากกว่า 150,000 ลบ.
มั่นคง : ลงทุนอย่างเหมาะสม เพื่อการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยรักษาอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนทุน D/E น้อยกว่า 1.5
สมดุล : ส่วนผสมกำไร จากธุรกิจที่หลากหลาย โดยมีกำไรจากธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำสม่ำเสมอ (engine 2) มากกว่า 25%
เป้าหมาย และ แผนธุรกิจ ปี 2567
ยอดขายนิวไฮ 28,000 ลบ. แบ่งเป็น แนวราบ 65% แนวสูง 35% และ รายได้รวม 26,500 ลบ. จากธุรกิจหลากหลาย ทั้งธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย แนวราบ-แนวสูง (engine 1) และธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำสม่ำเสมอ (engine 2)
มูลค่าการลงทุนทั้งหมด 25,000 ลบ. ในหลากหลายธุรกิจ ที่อยู่อาศัย คลังสินค้า โรงแรม อาคารสำนักงาน
มีจำนวนโครงการรวมทุกธุรกิจมากถึง 103 โครงการ
Assetwise
AssetWise ชูกลยุทธ์ “THE NEW FRONTIERS” สู้ศึกอสังหาฯ ปี 2567 เปิด 12 โครงการใหม่มูลค่ากว่า 25,920 ล้านบาท แบ่งเป็น คอนโดมิเนียม 9 โครงการ และแนวราบ 3 โครงการ พร้อมตั้งเป้าหมายยอดขายอยู่ที่ 17,800 ล้านบาท เติบโตประมาณ 8% จากปี 2566 และเป้าหมายรายได้อยู่ที่ 8,700 ล้านบาทเน้นทำเลกรุงเทพฯและปริมณฑล, EEC และ ภูเก็ต ผ่าน 3 กลยุทธ์หลัก “Execute / Expand / Explore”
Execute
มุ่งมั่นสร้างสรรค์บ้านและคอนโดคุณภาพ และรักษาความแข็งแกร่งของพอร์ตธุรกิจหลัก
รักษาความแข็งแกร่งของพอร์ตคอนโดมิเนียม 3 แบรนด์เรือธง: KAVE, ATMOZ และ MODIZ
ขยายโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ในเขตกรุงเทพและ EEC รวม 6 โครงการมูลค่า 10,820 ล้านบาท
เน้นทำเลศักยภาพ เดินทางสะดวก ใกล้สถาบันการศึกษา ใกล้แหล่งงาน
เปิดตัวบูทีคคอนโดแบรนด์ใหม่ Maroon รัชดา 32 และ Aquarous บนทำเลจอมเทียน-พัทยาพัทยา เมืองท่องเที่ยวสำคัญระดับโลก
Expand
การขยายโครงการให้เติบโตในทุกมิติทั้ง Location – Product – Price รวมถึงการ
Location ที่หลากหลายกระจายการลงทุน
Product คอนโดมีเนียมและบ้านทั้งเพื่อการอยู่อาศัย การพักผ่อนและการลงทุน
Price ชูคอนเซ็ปต์ Affordable Premium Luxury ความหรูหราที่เข้าถึงได้
เจาะตลาดพื้นที่ EEC ทั้งศรีราชา, บางแสน และระยอง ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวและแหล่งนิคมอุตสาหกรรมหลายแห่ง รองรับการลงทุนจากต่างชาติทั้งเพื่อการอยู่อาศัยและการลงทุน
เจาะตลาดภูเก็ตรับการฟื้นตัวการท่องเที่ยวภายใต้บริษัท ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ “TITLE”
Explore
การแสวงหาโอกาสทางธุรกิจและการลงทุนใหม่ ๆมุ่งเน้นสร้างรายได้ต่อเนื่อง (Recurring Income)
ธุรกิจคอมมูนิตี้มอลล์: โครงการ Mingle Mall ประกอบไปด้วยร้านค้า
ร้านอาหารWell Aesthetic & Wellness Center: พื้นที่เช่าสำหรับศูนย์สุขภาพและคลินิกด้านความงาม บนใจกลางย่านรัชดาภิเษก
มิงเกิ้ล สปอร์ต วิลเลจ: ศูนย์กีฬาในร่มเอาใจสายรักสุขภาพ รวมถึง Rocket Fitness
ZAAP World: ธุรกิจเอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอนเสิร์ตและอีเวนท์ต่าง ๆ
Land & House
ปรับแผนเปิดตัว 11 โครงการ ลดลง 30% เบรคโครงการคอนโดตามสภาพตลาดที่ยังมองว่าไม่ฟื้นนตัวดีและยังมีจำนวนโครงการในมือมากพอโดยมูลค่าโครงการรวมที่ 30,200 บาท จาก 48,460 บาท ในปีก่อน ส่วนหนึ่งจากยอดเปิดตัวโคงการ “วันเวลา ณ เจ้าพระยา” มูลค่ากว่า 15,000 ล้านบาท ในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีที่ผ่านมา และกระจายความเสี่ยงไปที่โรงแรม – ห้างรับกระแสนักท่องเที่ยวฟื้น ตั้งเป้ายอดขาย 31,000 บาท ยอดโอน 28,000 บาท
การขยายธุรกิจ:
เบรคโครงการคอนโด โดย 11 โครงการใหม่เป็นแนวราบทั้งหมด
โครงการคอนโดเน้นขายสต๊อคในมือที่มีอยู่ 7 โครงการราว 16,000 ล้านบาท
เป้ายอดขาย 31,000 ล้านบาท ยอดโอน 28,000 ล้านบาท
กระจายความเสี่ยง
ลงทุนอสังหาเพื่อเช่าผ่าน LHMH และ LH USA จำนวน 2,870 ล้านบาท
ลงทุนเพิ่มในกองทรัสต์ LHHOTEL กว่า 1,952 ล้านบาท
แผนการเงิน
ในปี 2566 ขายโรงแรม Grande Centre Point Pattaya, Grande Centre Point Scape Pattaya มูลค่ารวม 9,400 ล้านบาทให้กองทรัสต์ LHHOTEL มีกำไรก่อนหักภาษี 2,500 ล้านบาทในไตรมาส 4 ปีที่แล้วและจะทยอยรับรู้รายได้ในปี 2567-2575
2567 มีแผนที่จะขายศูนย์การค้า 1 แห่งเข้ากองทรัสต์ฯ
มีแผนออกหุ้นกู้ 16,000 ล้านบาท
งบลงทุนซื้อที่ดิน 5,000 ล้านบาท งบลุงทุนอสังหาเพื่อเช่า 6,500 ล้านบาท
Ananda
อนันดาฯมองภาพรวมเศรษฐกิจปี 2567 ยังไปต่อได้ ชฐานะผู้นำตลาดคอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้าที่มีสินค้าพร้อมอยู่บนทำเลที่ดีที่สุด และมากที่สุดเดินเครื่องกระตุ้นกำลังซื้อด้วยแคมเปญ "ANANDA URBAN JOY" ในแนวสูงและ “Love at First Home” ในแนวราบ รวม 26 โครงการคุณภาพพร้อมอยู่ บนทำเลศักยภาพทั่ว ตั้งแต่วันนี้ – 31 มีนาคม 2567
"ANANDA URBAN JOY"
คอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้าพร้อมอยู่ แต่งครบ 14 โครงการแบรนด์: แอชตัน โคโค่ พาร์ค ไอดีโอ คิว ไอดีโอ โมบิ ไอดีโอ และ เอลลิโอ ราคาเริ่ม: 2.09 – 16.99 ล้านบาท
รับเงินคืนสูงสุด 100,000 บาท (โครงการสำหรับโครงการ ไอดีโอ จุฬา – สามย่าน)
อยู่ฟรี สูงสุด 2 ปี (โครงการ เอลลิโอ สาทร-วุฒากาศ)
ฟรี ค่าส่วนกลางสูงสุด 5 ปี
ห้องแต่งครบ แพ็กเกจพร้อมอยู่ 24 รายการ
ฟรีค่าใช้จ่ายวันโอนฯ
“Love at First Home”
บ้านเดี่ยวและทาวน์โฮมพร้อมอยู่ ทำเลดีใกล้รถไฟฟ้า 12 โครงการแบรนด์: อาร์เทล แอริ เอโทล อันดา เออร์บานิโอ และ ยูนิโอทาวน์ราคาเริ่ม : 2.39 – 35 ล้านบาท
อยู่ฟรี สูงสุด 2 ปี
รับเงินคืนสูงสุด 2 ล้านบาท
รับทองสูงสุด 5 บาท
Origin
ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ (Origin Property) ปรับโครงสร้างใหญ่กลุ่มธุรกิจคอนโดมิเนียมเป็นแบรนด์ "ORIGIN VERTICAL" ขับเคลื่อนภายใต้แนวคิด “Creative Living for All” หรือ สร้างสรรค์ชีวิต คิดเพื่อคุณ ลุยเปิดคอนโดใหม่ 14 โครงการ รวมกว่า 20,000 ล้านบาท โดยเน้นเจาะตลาด Gen Y และ Gen Zพัฒนาคอนโด Pet Family และคอนโดเพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตอย่างยั่งยืน
ORIGIN VERTICAL
ปรับโครงสร้างการบริหารงานคอนโดมิเนียมให้ชัดเจนขึ้น รวมทีมงานจาก 3 บริษัทในเครือเข้าด้วยกันภายใต้บริษัท ออริจิ้น เวอร์ติเคิล คอร์ปอเรชั่น จำกัด
ชู 4 แบรนด์หลัก: Origin Place, The Origin, So Origin และ Park Origin
มีแผนเปิดโครงการใหม่ในปี 2567 ทั้งสิ้น 14 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 20,000 ล้านบาท
กลยุทธ์
Insight : วิจัยและวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกของลูกค้าด้านต่างๆ อาทิ ทำเล การใช้ชีวิต ไลฟ์สไตล์ การลงทุน อย่างจริงจัง เพื่อออกแบบสินค้าและบริการให้ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าโดยเฉพาะในทำเลนั้นๆ
Initiative : นำ Insight มาพัฒนาต่อยอด ริเริ่มฟังก์ชันใหม่ โปรดักต์ใหม่อย่างสร้างสรรค์ ตอบสนองทุกมิติของการใช้ชีวิต ตอกย้ำสถานะผู้นำตลาดคอนโดมิเนียม
Implementation : นำเทคโนโลยี นวัตกรรมใหม่ มาช่วยยกระดับคุณภาพมาตรฐานของโครงการ ตลาดจนบริการต่างๆ ที่เชื่อมโยงกับคุณภาพชีวิตของผู้คน
ยอดขายในปี 2566 ถึง 34,704 ล้านบาท เติบโตจากปี 2565 ราว 16%
เป้าหมายยอดขายทั้งปี 2567 คือ 36,000 ล้านบาท
เป้ายอดโอน 18,000 ล้านบาท
Lalin Property
Lalin Property ประกาศแผนธุรกิจปี 2567 มุ่งสู่การเป็น National Property Company โดยยังคงยึดหลีก Customer Centric ผ่านกลยุทธ์ทั้ง Lifestyle Marketing และ Experience Marketing เสริมประสิทธิภาพด้วยการสร้างภาพลักษณ์แบรนด์ โดยการทำ Brand collaboration เพื่อเพิ่มฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในทุกกลุ่มเป้าหมายด้วย นอกจากนี้จะนำ Big Data มาใช้ในการวิเคราะห์หา Customer Insights และเน้นการเติบโตอย่างยั่งยืนและดำเนินธุรกิจตามหลักบรรษัทภิบาล (Environmental, Social and Governance : ESG)
เปิดโครงการใหม่ 8-12 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 7,000–8,000 ล้านบาท
โดยครึ่งปีแรกจะเปิดตัว 5-6 โครงการก่อน หลังจากนั้นจึงประเมินสภาพเศรษฐกิจอีกครั้ง
ขยายไปยังทำเลที่มีศักยภาพใหม่
ตั้งเป้ายอดขาย 6,550 ล้านบาท
รับรู้รายได้ 5,250 ล้านบาท
งบซื้อที่ดิน 1,500 ล้านบาท
สถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง:
มีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) เพียง 0.76 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยโดยรวมของอุตสาหกรรมซึ่งอยู่ที่ 1.45 เท่า ค่อนข้างมาก
ได้รับความเชื่อมั่นจากสถาบันการเงินจึงไม่ประสบปัญหาในการจัดหาเงินทุน
ออกขายหุ้นกู้อายุ 2 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.80% จำนวน 500 ล้านบาท ได้รับการตอบรับจากสถาบันเข้าลงทุนเต็มจำนวน
ผลิตภัณฑ์:
ชูจุดเด่นนำเสนอบ้านสไตล์ French Colonial Style เป็นรายแรกๆในไทย
การทำ Design Innovation และ Smart & Flexible Function
เน้นทำเลศักยภาพ ในราคาที่คุ้มค่า
ที่มา :
https://www.brandbuffet.in.th/
https://workpointtoday.com
https://marketeeronline.co/
https://mgronline.com
https://www.bangkokbiznews.com
https://www.efinancethai.com
https://www.home.co.th
https://positioningmag.com/
าวสู่ศตรรษที่ 3 ด้วยวิสัยทัศน์ “SC Asset The Evolution”