Thebkkresidence.com
ช่วงปีใหม่ถือเป็นช่วงเวลาที่ดีในการเริ่มต้นทำอะไรสักอย่าง หลังจากเหน็ดเหนื่อยกับการทำงานปีที่แล้วมาทั้งปีคนทำงานหลายคนอาจอยากได้สิ่งของเล็ก ๆ น้อย ๆ เป็นของขวัญให้กับตัวเอง ในขณะที่บางคนอาจมีสิ่งที่อยากได้ใหญ่กว่านั้น ไม่ว่าจะเป็นรถจักรยานยนต์ รถยนต์ หรือแม้กระทั่งบ้านหลังใหม่ เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นของการใช้ชีวิตที่เต็มไปด้วยความสุขกับครอบครัวอันเป็นที่รัก บ้านจึงเปรียบเสมือนที่พักกายและใจ ทำให้เราได้ผ่อนคลายและชาร์จพลังใหม่ ก่อนไปลุยงานในแต่ละวัน เมื่อเรื่องบ้านสำคัญขนาดนี้ การตัดสินใจซื้อบ้านใหม่สักหลัง จึงไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ
และนี่คือคำถาม ที่คุณต้องตอบเองก่อนคิดจะซื้อบ้านหรือคอนโด
คำถามที่ 1 อยากอยู่แบบไหน
กะว่าจะโสดไปอีกหลายปี อยู่กันแค่ 2 คนกับคนรู้ใจ หรือคนรู้ใจมีแล้วและวางแผนจะมีลูกทั้งหมดนี้จะต้องตอบให้ได้ชัดเจนก่อนคิดจะซื้อบ้านหรือคอนโดใหม่ รวมถึงเรื่องของวิถีชีวิตหรือไลฟ์สไตล์ว่าชอบอะไร อยากอยู่ที่ที่มีต้นไม่ล้อมรอบ ไม่แออัด มีพื้นที่รอบที่อยู่อาศัยแบบนี้ก็ตัดคอนโดไปได้เลยก็ต้องมองหาเป็นบ้านเดี่ยวที่มพื้นที่รอบ
บ้าน หรือชอบใกล้ที่ทำงาน ไม่อยากเสียเวลากับการเดินทางและใช้เวลาอยู่ข้างนอกเป็นส่วนใหญ่ คอนโดก็ตอบโจทย์กว่า
นอกจากนี้ยังมีเรื่องของบรรยากาศ ที่บางครั้งถ้าไม่ได้ลองสัมผัสด้วยตนเองก็ยากที่จะบอกและตัดสินใจว่าชอบหรือไม่การไปทัวร์สถานที่จริงจึงเป็นส่วนที่จะช่วยให้ท่านได้ไปดูบรรยากาศจริง
คำถามที่ 2 อยากอยู่แถวไหน
การเลือกทำเลแน่นอนว่าทำเลที่ชอบของแต่ละคนก็คงไม่เหมือนกัน บางคนชอบอยู่ในบริเวณชุมชนที่เดินทางไปไหนมาไหนสะดวก ใกล้สถานที่สำคัญ อย่างห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาล โรงเรียน หรือ อยู่ติดทางด่วน ในขณะที่บางคนชอบสงบ เป็นส่วนตัวคนไม่พลุกพล่าน หรือหลาย ๆ คนก็ชอบที่สะดวกต่อการเดินทางไปทำงาน เป็นโครงการบ้านที่อยู่ใจกลางเมือง หรือ คอนโดที่ติด BTS, MRT
แต่ยิ่งทำเลอยู่ใจกลางเมืองราคาก็จะยิ่งสูงและโดยเฉพาะโครงการที่มีรถไฟฟ้าวิ่งผ่าน โดยเฉพาะบางโครงการที่เดินเพียงไม่กี่ก้าวก็ถึงรถไฟฟ้า ย่อมแพงกว่าโครงการที่อยู่ในซอยลึกและเดินทางลำบากกว่า ทำให้โครงการที่อยู่ในที่พื้นที่ชุมชนและเดินทางง่ายก็จะมีที่ดินแพงขึ้นตามไปด้วย ี่เราต้องชั่งน้ำหนักให้ดีว่าเราต้องการลงทุนเรื่องทำเลมากน้อยแค่ไหน หรือยอมอยู่ไกลหน่อยในราคาที่ถูกลงหรือได้พื้นที่ใหญ่กว่า
คำถามที่ 3 จะเตรียมตัวอย่างไร
เมื่อเราตัดสินใจได้คร่าว ๆ แล้วว่าอยากได้โครงการที่อยู่อาศัยประมาณไหน ต่อมาคือเรื่องเงินของเรา โดยประเมินตัวเองในหลาย ๆ ด้าน เช่น เงินเก็บที่เรามี ราคาของบ้านหรือคอนโดที่เราอยากได้ ภาระหนี้สินเดิมที่มีอยู่ รวมไปถึงความสามารถในการชำระหนี้ คือ เรามีความสามารถในการผ่อนค่าบ้านได้เดือนละเท่าไรที่ไม่กระทบกับค่าใช้จ่ายที่สำคัญต่อการใช้ชีวิตในแต่ละเดือน ยังไม่นับค่าดำเนินการและธรรมเนียมต่าง ๆ ตลอดการซื้อบ้านหลังใหม่ ไม่ว่าจะเป็น ค่าจอง ค่าทำสัญญา และเงินดาวน์ รวมถึงค่าต่อเติมและตกแต่งที่มีโอกาสบานปลายได้ง่าย ๆ หากไม่วางแผนการเงินให้ดีตั้งแต่ต้น
ถ้าเราไม่ได้มีเงินพอที่จะซื้อบ้านด้วยเงินสด เราก็ต้องขอสินเชื่อเพื่อกู้เงินจากธนาคาร ธนาคารก็จะขอข้อมูลส่วนตัวของเราอย่างอาชีพ รายได้ และประวัติทางการเงินเพื่อจะประเมินว่าเรามีความน่าเชื่อถือขนาดไหน และเรามีความสามารถในการชำระหนี้มากน้อยเพียงใด แต่ละธนาคารยังอาจจะมีเกณฑ์ในการอนุมัติเงินกู้ที่แตกต่างกันออกไป แต่ทุกที่ก็จะให้ความสำคัญกับพฤติกรรมทางการเงินในอดีตของเรา เช่น ประวัติการชำระหนี้ ภาระหนี้สินที่มีอยู่ โดยจะพิจารณาประกอบกับอีกหลายปัจจัยอย่างรายได้ปัจจุบัน อายุการทำงาน รวมถึงมูลค่าของหลักทรัพย์ในการค้ำประกัน ซึ่งโดยปกติธนาคารจะกำหนดเงื่อนไขของผู้กู้ทุกสายอาชีพให้สามารถแบกรับภาระหนี้ได้ที่ 40% ของรายได้ต่อเดือน ไม่ได้หมายความว่ามีรายได้สูงแล้วจะได้รับการอนุมัติสินเชื่อเสมอไป ถ้ามีเงินเดือนเยอะ แต่ก็มีภาระหนี้เยอะ หรือ เคยมีประวัติผิดนัดชำระหนี้ ก็จะกู้ไม่ผ่านได้ หากคำนวณคร่าว ๆ แล้วว่าผ่อนคนเดียวไม่น่าไหว อาจจะต้องพิจารณาการกู้ร่วม กับ คู่สมรส พ่อ แม่ พี่ หรือ น้อง เพื่อเพิ่มโอกาสในการอนุมัติสินเชื่อได้ง่ายขึ้น
อีกประเด็นหนึ่งที่หลายคนไม่ค่อยรู้นั่นก็คือการไม่มีหนี้เลยไม่ได้แปลว่าเราจะได้รับการอนุมัติเงินกู้ง่ายกว่าคนที่มีหนี้ เพราะคนที่ไม่มีหนี้ ไม่เคยสมัครบัตรเครดิตใด ๆ ธนาคารเองก็จะมองไม่เห็นว่าเรามีความสามารถในการชำระหนี้ เพราะไม่เคยมีประวัติในการชำระหนี้ให้เห็น ในทางตรงกันข้ามการมีหนี้ที่สามารถจัดการได้จะช่วยสร้างเครดิตการเงินให้เรา นั่นก็เพราะว่า ธนาคารและสถาบันการเงินต่าง ๆ จะสามารถตรวจสอบประวัติของเรา และวิเคราะห์การชำระหนี้ของเรา ถ้าเรามีประวัติที่ดี จ่ายหนี้ตรงเวลาทุกครั้ง ไม่เคยมีการผิดชำระหนี้ สิ่งนี้จะถูกบันทึกในฐานข้อมูลในบริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ หรือเครดิตบูโรนั่นเอง
เตรียมเอกสารสำคัญประกอบการกู้เงิน สำหรับการเตรียมข้อมูลให้กับธนาคารเพื่อประกอบการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อ นอกจากเอกสารที่เกี่ยวข้องกับโครงการที่อยู่อาศัยที่เราจะซื้อแล้ว เอกสารที่เราจะต้องเตรียมให้ครบก่อนการขอยื่นกู้กับธนาคารนั้น ส่วนมากจะประกอบด้วยเอกสาร 3 ประเภท ได้แก่ ประเภทแรก คือ เอกสารส่วนตัว เช่น สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน ประเภทที่สอง เอกสารการเงิน เช่น หนังสือรับรองเงินเดือน สลิปเงินเดือนย้อนหลัง 6 เดือน สมุดบัญชีเงินเดือนย้อนหลัง 6 เดือน บัญชีเงินฝากย้อนหลัง 6 เดือน และประเภทที่สาม เอกสารสินทรัพย์ เช่น โฉนดที่ดิน หรือหลักฐานแสดงการถือครองสินทรัพย์รูปแบบอื่น ๆ ซึ่งหากเตรียมเอกสารได้ครบถ้วนตั้งแต่ครั้งแรก ก็จะได้รับผลอนุมัติสินเชื่อที่เร็วรวดขึ้น
ที่มา : https://blog.jobthai.com/
https://www.sansiri.com/
THE BANGKOK RESIDENCE
"Real Estate for Happiness"
Contact us now
Call Center : 1319
Line @bkkresidence